Difference between revisions of "TTMIK ระดับ 2 ระดับ1 บทที่ 2"

From Korean Wiki Project
Jump to: navigation, search
(Created page with 'ในบทนี้ เราจะมาเรียนเรื่องคำบ่งชี้กรรม อย่างที่เคยได้พูดไปแล...')
 
Line 3: Line 3:
 
อย่างไรก็ดี หลายๆ ครั้งเวลาที่ความหมายของประโยคนั้น ๆ ค่อนข้างชัดเจนโดยไม่ต้องใช้คำบ่งชี้ คนเกาหลีก็มักจะละคำบ่งชี้เหล่านั้น ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการออกเสียงและเป็นการกระชับประโยคให้สั้นลง
 
อย่างไรก็ดี หลายๆ ครั้งเวลาที่ความหมายของประโยคนั้น ๆ ค่อนข้างชัดเจนโดยไม่ต้องใช้คำบ่งชี้ คนเกาหลีก็มักจะละคำบ่งชี้เหล่านั้น ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการออกเสียงและเป็นการกระชับประโยคให้สั้นลง
  
เราได้เรียนรู้คำกริยาต่างๆ กันไปบ้างแล้ว คำกริยาสามารถแบ่งได้เป็น สกรรมกริยา คือ กริยาที่ต้องการกรรม และ อกรรมกริยา คือ กริยาที่ไม่จำเป็นต้องมีกรรม ลักษณะของกริยาทั้งสองแบบนี้ค่อนข้างเห็นชัดในภาษาอังกฤษ เช่นเวลาเราพูดว่า Did you find your wallet? / Yes, I found it  เรายังไม่ละคำที่เอ่ยถึง wallet ในที่นี้คือ it ออกไป  
+
เราได้เรียนรู้คำกริยาต่างๆ กันไปบ้างแล้ว คำกริยาสามารถแบ่งได้เป็น สกรรมกริยา คือ กริยาที่ต้องการกรรม และ อกรรมกริยา คือ กริยาที่ไม่จำเป็นต้องมีกรรม ลักษณะของกริยาทั้งสองแบบนี้ค่อนข้างเห็นชัดในภาษาอังกฤษ เช่นเวลาเราพูดว่า Did you find your wallet? / Yes, I found it  เรายังไม่ละคำที่เอ่ยถึง wallet ในที่นี้คือ it ออกไป
  
แต่ว่าในภาษาเกาหลี บทสนทนาที่คล้ายๆ กับประโยคข้างต้น  “지갑 찾았어요? (แปลตรงตัวว่า กระเป๋าสตางค์ เจอไหม / 네. 찾았어요. (แปลตรงตัวว่า ใช่ เจอ)  
+
แต่ว่าในภาษาเกาหลี บทสนทนาที่คล้ายๆ กับประโยคข้างต้น  “지갑 찾았어요? (แปลตรงตัวว่า กระเป๋าสตางค์ เจอไหม / 네. 찾았어요. (แปลตรงตัวว่า ใช่ เจอ)
 
ดังนั้น ความแตกต่างของสกรรมกริยา และอกรรมกริยาในภาษาเกาหลี จึงไม่ค่อยชัดเจนเหมือนในภาษาอังกฤษ (หรือ ภาษาอื่นๆ)
 
ดังนั้น ความแตกต่างของสกรรมกริยา และอกรรมกริยาในภาษาเกาหลี จึงไม่ค่อยชัดเจนเหมือนในภาษาอังกฤษ (หรือ ภาษาอื่นๆ)
  
Line 13: Line 13:
 
을 [eul] - ตามหลังคำนามที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ
 
을 [eul] - ตามหลังคำนามที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ
 
를 [reul] - ตามหลังคำนามที่ลงท้ายด้วยสระ
 
를 [reul] - ตามหลังคำนามที่ลงท้ายด้วยสระ
 +
 +
คำบ่งชี้กรรมมีไว้ทำอะไร
 +
 +
ในภาษาอังกฤษ เวลาเราพูดว่า "an apple" และไม่ได้เอ่ยถึงคำกริยา เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคำคำนี้มีหน้าที่อะไรในประโยค
 +
แต่ในภาษาเกาหลี ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เอ่ยถึงคำกริยา เพียงแค่ใส่คำบ่งชี้ที่ถูกต้องตามหลังคำนาม เราก็จะรู้ได้ทันทีว่าคำนามนั้นมีหน้าที่อะไรก่อนที่เราจะเอ่ยถึงคำกริยานั้นๆ เสียอีก
 +
 +
“An apple” - ในภาษาอังกฤษ เป็นคำกลางๆ
 +
“사과” - ในภาษาเกาหลี ก็เป็นคำกลางๆ เช่นกัน
 +
“사과를” - แม้ว่าเราจะยีงไม่ได้เอ่ยถึงคำกริยา เราก็รู้ได้โดยทันทีว่า 사과 จะทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค
 +
ดังนั้นเราจึงสามารถเดาคำกริยาที่จะใช้คู่กับคำนี้ได้ในระดับหนึ่ง เช่น ซื้อแอปเปิ้ล ขายแอปเปิ้ล กินแอปเปิ้ล หาแอปเปิ้ล ขว้างแอปเปิ้ล วาดแอปเปิ้ล ฯลฯ
 +
“ 사과가” - เราก็รู้ว่า 사과 จะทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค

Revision as of 17:22, 23 January 2012

ในบทนี้ เราจะมาเรียนเรื่องคำบ่งชี้กรรม อย่างที่เคยได้พูดไปแล้วในบทก่อน ๆ ว่า มีคำบ่งชี้อยู่มากมายในภาษาเกาหลี เช่น คำบ่งชี้ประธาน คำบ่งชี้หัวข้อ คำบ่งชี้สถานที่ ฯลฯ คำเหล่านี้ทำให้เราเข้าใจประโยคภาษาเกาหลีได้ง่ายขึ้นแม้ว่าจะมีการสลับตำแหน่งของการเรียงรูปประโยคก็ตาม

อย่างไรก็ดี หลายๆ ครั้งเวลาที่ความหมายของประโยคนั้น ๆ ค่อนข้างชัดเจนโดยไม่ต้องใช้คำบ่งชี้ คนเกาหลีก็มักจะละคำบ่งชี้เหล่านั้น ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการออกเสียงและเป็นการกระชับประโยคให้สั้นลง

เราได้เรียนรู้คำกริยาต่างๆ กันไปบ้างแล้ว คำกริยาสามารถแบ่งได้เป็น สกรรมกริยา คือ กริยาที่ต้องการกรรม และ อกรรมกริยา คือ กริยาที่ไม่จำเป็นต้องมีกรรม ลักษณะของกริยาทั้งสองแบบนี้ค่อนข้างเห็นชัดในภาษาอังกฤษ เช่นเวลาเราพูดว่า Did you find your wallet? / Yes, I found it เรายังไม่ละคำที่เอ่ยถึง wallet ในที่นี้คือ it ออกไป

แต่ว่าในภาษาเกาหลี บทสนทนาที่คล้ายๆ กับประโยคข้างต้น “지갑 찾았어요? (แปลตรงตัวว่า กระเป๋าสตางค์ เจอไหม / 네. 찾았어요. (แปลตรงตัวว่า ใช่ เจอ) ดังนั้น ความแตกต่างของสกรรมกริยา และอกรรมกริยาในภาษาเกาหลี จึงไม่ค่อยชัดเจนเหมือนในภาษาอังกฤษ (หรือ ภาษาอื่นๆ)

ดังนั้น คำบ่งชี้กรรมจึงเข้ามามีบทบาท

คำบ่งชี้กรรม 을 [eul] - ตามหลังคำนามที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ 를 [reul] - ตามหลังคำนามที่ลงท้ายด้วยสระ

คำบ่งชี้กรรมมีไว้ทำอะไร

ในภาษาอังกฤษ เวลาเราพูดว่า "an apple" และไม่ได้เอ่ยถึงคำกริยา เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคำคำนี้มีหน้าที่อะไรในประโยค แต่ในภาษาเกาหลี ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เอ่ยถึงคำกริยา เพียงแค่ใส่คำบ่งชี้ที่ถูกต้องตามหลังคำนาม เราก็จะรู้ได้ทันทีว่าคำนามนั้นมีหน้าที่อะไรก่อนที่เราจะเอ่ยถึงคำกริยานั้นๆ เสียอีก

“An apple” - ในภาษาอังกฤษ เป็นคำกลางๆ “사과” - ในภาษาเกาหลี ก็เป็นคำกลางๆ เช่นกัน “사과를” - แม้ว่าเราจะยีงไม่ได้เอ่ยถึงคำกริยา เราก็รู้ได้โดยทันทีว่า 사과 จะทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค ดังนั้นเราจึงสามารถเดาคำกริยาที่จะใช้คู่กับคำนี้ได้ในระดับหนึ่ง เช่น ซื้อแอปเปิ้ล ขายแอปเปิ้ล กินแอปเปิ้ล หาแอปเปิ้ล ขว้างแอปเปิ้ล วาดแอปเปิ้ล ฯลฯ “ 사과가” - เราก็รู้ว่า 사과 จะทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค