Difference between revisions of "TTMIK ระดับ 1 ระดับ1 บทที่ 9"

From Korean Wiki Project
Jump to: navigation, search
 
(4 intermediate revisions by one user not shown)
Line 1: Line 1:
 
บทนี้ เราจะมาเรียนเรื่อง คำแสดงหัวข้อ และ คำแสดงประธาน ในภาษาเกาหลี หลาย ๆ ภาษารวมถึงภาษาไทยไม่มีคำแสดงหัวข้อ หรือคำแสดงประธาน อยู่ในประโยค ดังนั้นเรื่องนี้จึงอาจจะค่อนข้างใหม่สำหรับคนไทย แต่เมื่อเราเริ่มคุ้นเคยกับมัน การใช้คำแสดงเหล่านี้จะง่ายและสะดวกขึ้นเอง
 
บทนี้ เราจะมาเรียนเรื่อง คำแสดงหัวข้อ และ คำแสดงประธาน ในภาษาเกาหลี หลาย ๆ ภาษารวมถึงภาษาไทยไม่มีคำแสดงหัวข้อ หรือคำแสดงประธาน อยู่ในประโยค ดังนั้นเรื่องนี้จึงอาจจะค่อนข้างใหม่สำหรับคนไทย แต่เมื่อเราเริ่มคุ้นเคยกับมัน การใช้คำแสดงเหล่านี้จะง่ายและสะดวกขึ้นเอง
  
คำแสดงหัวข้อ
+
== คำแสดงหัวข้อ 은 [eun] / 는 [neun] ==
 
+
은 [eun] / 는 [neun]
+
  
 
หลัก ๆ แล้ว การใช้คำแสดงหัวข้อทั้งสองนี้จะใช้เพื่อแสดงให้คนอื่นรู้ว่าเรากำลังพูดหรือจะพูดถึงอะไร คำแสดงหัวข้อจะอยู่ต่อจากคำนาม
 
หลัก ๆ แล้ว การใช้คำแสดงหัวข้อทั้งสองนี้จะใช้เพื่อแสดงให้คนอื่นรู้ว่าเรากำลังพูดหรือจะพูดถึงอะไร คำแสดงหัวข้อจะอยู่ต่อจากคำนาม
  
คำที่ลงท้ายด้วยตัวสะกด + -은
+
'''คำที่ลงท้ายด้วยตัวสะกด + -은'''<br />
คำที่ลงท้ายด้วยสระ (ไม่มีตัวสะกด) + + -는
+
'''คำที่ลงท้ายด้วยสระ (ไม่มีตัวสะกด) + -는'''
  
ตัวอย่าง
+
''ตัวอย่าง''
가방 [ga-bang] + 은 [eun]
+
가방 [ga-bang] + 은 [eun]<br />
 
나 [na] + 는 [neun]
 
나 [na] + 는 [neun]
  
 
หัวข้อของประโยค (คือสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึง) ซึ่งตามด้วย 은 [eun] หรือ 는 [neun] มักจะเป็นประธานของประโยค แต่ไม่เสมอไป
 
หัวข้อของประโยค (คือสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึง) ซึ่งตามด้วย 은 [eun] หรือ 는 [neun] มักจะเป็นประธานของประโยค แต่ไม่เสมอไป
  
저 [ jeo] = ฉัน
+
저 [ jeo] = ฉัน<br />
저 + 는 [neun] = 저는 [ jeo-neun] = สำหรับฉัน
+
저 + 는 [neun] = 저는 [ jeo-neun] = สำหรับฉัน<br />
 
저는 학생이에요. [ jeo-neun hak-saeng-i-e-yo] = สำหรับฉัน ฉันเป็นนักเรียน / ฉันเป็นนักเรียน
 
저는 학생이에요. [ jeo-neun hak-saeng-i-e-yo] = สำหรับฉัน ฉันเป็นนักเรียน / ฉันเป็นนักเรียน
  
Line 24: Line 22:
 
แต่ลักษณะพิเศษของภาษาเกาหลี สามารถดูได้จากประโยคตัวอย่างดังนี้
 
แต่ลักษณะพิเศษของภาษาเกาหลี สามารถดูได้จากประโยคตัวอย่างดังนี้
  
내일은 저는 일해요. [nae-il-eun jeo-neun il-hae-yo]
+
내일은 저는 일해요. [nae-il-eun jeo-neun il-hae-yo]<br />
 
=วันพรุ่งนี้ ฉันทำงาน
 
=วันพรุ่งนี้ ฉันทำงาน
  
Line 31: Line 29:
  
  
คำแสดงประธาน
+
== คำแสดงประธาน 이 [i] / 가 [ga] ==
 
+
이 [i] / 가 [ga]
+
  
 
การใช้คำแสดงประธานค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับการใช้คำแสดงหัวข้อ
 
การใช้คำแสดงประธานค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับการใช้คำแสดงหัวข้อ
  
คำที่ลงท้ายด้วยตัวสะกด + -이
+
'''คำที่ลงท้ายด้วยตัวสะกด + -이'''<br />
คำที่ลงท้ายด้วยสระ (ไม่มีตัวสะกด) + -가
+
'''คำที่ลงท้ายด้วยสระ (ไม่มีตัวสะกด) + -가'''
  
ตัวอย่าง
+
''ตัวอย่าง''
가방 [ga-bang] + 이 [i]
+
가방 [ga-bang] + 이 [i]<br />
 
학교 [hak-gyo] + 가 [ga]
 
학교 [hak-gyo] + 가 [ga]
  
 
ดังนั้น โดยหลัก ๆ แล้ว คำแสดงหัวข้อ (은/는) เป็นการใส่เพื่อแสดงให้เห็นว่าหัวข้อที่เรากำลังพูดถึงในประโยคคืออะไร
 
ดังนั้น โดยหลัก ๆ แล้ว คำแสดงหัวข้อ (은/는) เป็นการใส่เพื่อแสดงให้เห็นว่าหัวข้อที่เรากำลังพูดถึงในประโยคคืออะไร
 
และ คำแสดงประธาน (이/가) เป็นการใส่เพื่อแสดงให้เห็นว่าประธานของประโยค คืออะไร
 
และ คำแสดงประธาน (이/가) เป็นการใส่เพื่อแสดงให้เห็นว่าประธานของประโยค คืออะไร
 +
 
แต่ ไม่ใช่แค่นั้น
 
แต่ ไม่ใช่แค่นั้น
  
มีอะไรอีกสำหรับการใช้ 은/는/이/가?
+
=== มีอะไรอีกสำหรับการใช้ 은/는/이/가? ===
 +
 
 
(1) นอกจากคำว่า 은 [eun] / 는 [neun] จะใช้แสดงหัวข้อแล้ว คำสองคำนี้ยังก่อให้เกิดความหมายในเชิง "เกี่ยวกับ" บางอย่าง "สำหรับ" บางสิ่ง หรือแม้กระทั่ง "ไม่เหมือนกับสิ่งอื่น" หรือ "แตกต่างจากสิ่งอื่น"
 
(1) นอกจากคำว่า 은 [eun] / 는 [neun] จะใช้แสดงหัวข้อแล้ว คำสองคำนี้ยังก่อให้เกิดความหมายในเชิง "เกี่ยวกับ" บางอย่าง "สำหรับ" บางสิ่ง หรือแม้กระทั่ง "ไม่เหมือนกับสิ่งอื่น" หรือ "แตกต่างจากสิ่งอื่น"
  
 
(2) นอกจากคำว่า 이 [i] / 가 [ga] จะใช้ในการแสดงประธานแล้ว ยังมีความหมายในเชิง "ไม่มีอะไรนอกจากนี้" "อันอื่นไม่ใช่ แต่ คืออันนี้เท่านั้น" และในประโยคที่ซับซ้อน ยังเป็นการแสดงประธานโดยที่ไม่ต้องเน้นคำนั้นมากจนเกินไป
 
(2) นอกจากคำว่า 이 [i] / 가 [ga] จะใช้ในการแสดงประธานแล้ว ยังมีความหมายในเชิง "ไม่มีอะไรนอกจากนี้" "อันอื่นไม่ใช่ แต่ คืออันนี้เท่านั้น" และในประโยคที่ซับซ้อน ยังเป็นการแสดงประธานโดยที่ไม่ต้องเน้นคำนั้นมากจนเกินไป
  
ลองมาดูตัวอย่างประโยคในข้อ (1).
+
'''ลองมาดูตัวอย่างประโยคในข้อ (1).'''
이거 [i-geo] = อันนี้  /  사과 [sa-gwa] = แอปเปิ้ล / 예요 [ye-yo] = คือ เป็น
+
 
 +
이거 [i-geo] = อันนี้  /  사과 [sa-gwa] = แอปเปิ้ล / 예요 [ye-yo] = คือ เป็น<br />
 
이거 사과예요. [i-geo sa-gwa-ye-yo] = อันนี้คือแอปเปิ้ล
 
이거 사과예요. [i-geo sa-gwa-ye-yo] = อันนี้คือแอปเปิ้ล
เราสามารถใส่ 은/는 ในประโยคนี้ และในกรณีนี้ 이거 ลงท้ายด้วยสระ คือไม่มีตัวสะกด ดังนั้นเราจะใส่คำว่า -는.
+
 
이거는 사과예요. [i-geo-NEUN sa-gwa-ye-yo]
+
เราสามารถใส่ 은/는 ในประโยคนี้ และในกรณีนี้ 이거 ลงท้ายด้วยสระ คือไม่มีตัวสะกด ดังนั้นเราจะใส่คำว่า -는
 +
 
 +
이거는 사과예요. [i-geo-NEUN sa-gwa-ye-yo]<br />
 
= (สิ่งอื่นไม่ใช่แอปเปิ้ล แต่) อันนี้คือแอปเปิ้ล
 
= (สิ่งอื่นไม่ใช่แอปเปิ้ล แต่) อันนี้คือแอปเปิ้ล
  
ลองนึกถึงบทสนทนาแบบข้างล่างนี้
+
''ลองนึกถึงบทสนทนาแบบข้างล่างนี้''
이거 커피예요. [i-geo keo-pi-ye-yo]  (= สิ่งนี้คือกาแฟ)
+
 
이거는 물이에요. [i-geo-NEUN mul-i-e-yo]  (= สำหรับอันนี้ คือน้ำ (อันนั้นน่ะกาแฟแต่อันนี้น่ะ น้ำ))
+
*이거 커피예요. [i-geo keo-pi-ye-yo]  (= สิ่งนี้คือกาแฟ)
이거는 오렌지주스예요. [i-geo-NEUN o-ren-ji-ju-seu-ye-yo]
+
*이거는 물이에요. [i-geo-NEUN mul-i-e-yo]  (= สำหรับอันนี้ คือน้ำ (อันนั้นน่ะกาแฟแต่อันนี้น่ะ น้ำ))
 +
*이거는 오렌지주스예요. [i-geo-NEUN o-ren-ji-ju-seu-ye-yo]
 
(= อันนี้น่ะ คือน้ำส้ม (อันนี้ก็ต่างออกไปนะ เป็นน้ำส้ม ไม่ใช่น้ำหรือกาแฟ))
 
(= อันนี้น่ะ คือน้ำส้ม (อันนี้ก็ต่างออกไปนะ เป็นน้ำส้ม ไม่ใช่น้ำหรือกาแฟ))
이거는 뭐예요? [i-geo-NEUN mwo-ye-yo?]  
+
*이거는 뭐예요? [i-geo-NEUN mwo-ye-yo?]
 
(= แล้วอันนี้่ล่ะ คืออะไร)
 
(= แล้วอันนี้่ล่ะ คืออะไร)
 +
 +
จากตัวอย่างข้างต้น เราจะเห็นว่า 은/는 ใช้ในการเน้นแสดงหัวข้อของประโยค โดยการให้ความหมายในเชิงที่ว่า "อันนี้คือ....และสิ่งนั้นคือ...." ดังนั้น การใช้ 은/는 ในทุกประโยคที่เราพูดอาจจะดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก
 +
 +
ดังนั้นคนเกาหลีจึงมักจะใช้ 은/는 เฉพาะเวลาต้องการเน้นหัวข้อที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่กำลังพูดถึงอยู่ในประโยค
 +
 +
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราพูดว่า "วันนี้อากาศดีนะ" เราสามารถพูดได้หลายแบบในภาษาเกาหลี
 +
 +
1) 오늘 날씨 좋네요. [o-neul nal-ssi jot-ne-yo]
 +
วันนี้อากาศดีนะ
 +
2) 오늘은 날씨 좋네요. [o-neul-EUN nal-ssi jot-ne-yo]
 +
วันนี้อากาศดีนะ (อากาศช่วงนี้ไม่ค่อยดี แต่วันนี้ดีนะ)
 +
3) 오늘 날씨는 좋네요. [o-neul nal-ssi-NEUN jot-ne-yo]
 +
วันนี้อากาศดีนะ (วันนี้ สิ่งอื่นๆ อาจจะไม่ดี แต่อากาศดีนะ)
 +
 +
เห็นไหมว่า คำแสดงหัวข้อ (은/는) ในภาษาเกาหลี สามารถทำให้ประโยคมีความหมายแฝงที่หลากหลายได้
 +
 +
'''ลองดูประโยคตัวอย่างของหัวข้อที่ (2)'''
 +
 +
좋아요 [ jo-a-yo] = ดีนะ  /  뭐 [mwo] = อะไร  / 이/가 [i/ga] = คำแสดงประธาน
 +
 +
หากมีคนคนหนึ่งพูดว่า “좋아요. [ jo-a-yo]”  ซึ่งแปลว่า ดีนะ หรือ ฉันชอบนะ<br />
 +
แต่เราอาจจะไม่แน่ใจว่า "อะไร" ที่ว่าดี ดังนั้น เราก็จะถามว่า "อะไรดีเหรอ" หรือ "เธอกำลังพูดถึงอะไรน่ะ"
 +
 +
เพื่อที่จะเน้นถามว่า "อะไร" ที่ว่าดี เราจะถามว่า<br />
 +
뭐가 좋아요?  [mwo-GA jo-a-yo?]
 +
 +
ประโยคนี้ เราใช้  가 [ga] เพื่อที่จะเน้นว่า ประธานของกริยาวิเศษณ์ "ดี" คืออะไร
 +
 +
ถ้าพูดว่า<br />
 +
ABC 좋아요. [ABC jo-a-yo] = ABC ดีนะ
 +
 +
และถ้าเราไม่เห็นด้วย และคิดว่า XYZ ดี ไม่ใช่  ABC เราสามารถแสดงความคิดเห็นได้ว่า ประธานของ "ดี" ควรจะเป็น XYZ ไม่ใช่ ABC โดยพูดว่า
 +
 +
ABC 좋아요? XYZ가 좋아요! [ABC jo-a-yo? XYZ-GA jo-a-yo]
 +
 +
ดังนั้น การใช้ 이 และ 가 ทำให้เราสามารถเน้นความหมาย เน้นถึงสิ่งที่เราต้องการพูดว่า ใครทำอะไร สิ่งไหนที่ดี เป็นต้น
 +
 +
<font color=DeepSkyBlue>หมดแล้วใช่ไหม</font>
 +
 +
<font color=deeppink>เกือบค่ะ</font>
 +
 +
จากที่เรียนมา เราจะเห็นว่า 은/는 และ 이/가 มีลักษณะการใช้แตกต่างกัน แต่การใช้ 은/는 ในลักษณะที่สร้างหรือแสดงความแตกต่างของสิ่งหนึ่งออกจากสิ่งหนึ่ง จะเป็นลักษณะการใช้ที่ค่อนข้างชัดเจน เพราะเราสามารถเปลี่ยนหัวข้อของประโยคด้วยการใช้ 은/는. ดังนั้น เวลาเราจะสร้างประโยคที่ซับซ้อน เช่น ฉันคิดว่าหนังสือที่เธอซื้อดูน่าสนใจกว่าหนังสือที่ฉันซื้อมา โดยทั่วไป เราจะไม่ใช้ 은/는 ตลอดทั้งประโยค หลาย ๆ ครั้ง เราสามารถละ 은/는/이/가 ได้ แต่เมื่อไหร่ที่เราต้องการขยายความหมาย เราจะใช้ 이/가  มากกว่า

Latest revision as of 16:22, 18 December 2011

บทนี้ เราจะมาเรียนเรื่อง คำแสดงหัวข้อ และ คำแสดงประธาน ในภาษาเกาหลี หลาย ๆ ภาษารวมถึงภาษาไทยไม่มีคำแสดงหัวข้อ หรือคำแสดงประธาน อยู่ในประโยค ดังนั้นเรื่องนี้จึงอาจจะค่อนข้างใหม่สำหรับคนไทย แต่เมื่อเราเริ่มคุ้นเคยกับมัน การใช้คำแสดงเหล่านี้จะง่ายและสะดวกขึ้นเอง

คำแสดงหัวข้อ 은 [eun] / 는 [neun]

หลัก ๆ แล้ว การใช้คำแสดงหัวข้อทั้งสองนี้จะใช้เพื่อแสดงให้คนอื่นรู้ว่าเรากำลังพูดหรือจะพูดถึงอะไร คำแสดงหัวข้อจะอยู่ต่อจากคำนาม

คำที่ลงท้ายด้วยตัวสะกด + -은
คำที่ลงท้ายด้วยสระ (ไม่มีตัวสะกด) + -는

ตัวอย่าง 가방 [ga-bang] + 은 [eun]
나 [na] + 는 [neun]

หัวข้อของประโยค (คือสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึง) ซึ่งตามด้วย 은 [eun] หรือ 는 [neun] มักจะเป็นประธานของประโยค แต่ไม่เสมอไป

저 [ jeo] = ฉัน
저 + 는 [neun] = 저는 [ jeo-neun] = สำหรับฉัน
저는 학생이에요. [ jeo-neun hak-saeng-i-e-yo] = สำหรับฉัน ฉันเป็นนักเรียน / ฉันเป็นนักเรียน

จากประโยคข้างบน คำว่า 저 (ฉัน) เป็นทั้งหัวข้อ (กำลังพูดถึงตัวเอง) และ ประธานของประโยค

แต่ลักษณะพิเศษของภาษาเกาหลี สามารถดูได้จากประโยคตัวอย่างดังนี้

내일은 저는 일해요. [nae-il-eun jeo-neun il-hae-yo]
=วันพรุ่งนี้ ฉันทำงาน

내일 [nae-il] แปลว่า พรุ่งนี้ ตามด้วย 은 [eun] เป็นหัวข้อ แต่ไม่ใช่ประธานของประโยค กริยา 일하다 [il-ha-da] แปลว่า ทำงาน ดังนั้น คำว่า พรุ่งนี้ จึงไม่ใช่ประธานของประโยค เพราะพรุ่งนี้ทำงานไม่ได้ แต่ "ฉัน" เป็นคนทำงาน ดังนั้น "ฉัน" จึงเป็นประธานของประโยค


คำแสดงประธาน 이 [i] / 가 [ga]

การใช้คำแสดงประธานค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับการใช้คำแสดงหัวข้อ

คำที่ลงท้ายด้วยตัวสะกด + -이
คำที่ลงท้ายด้วยสระ (ไม่มีตัวสะกด) + -가

ตัวอย่าง 가방 [ga-bang] + 이 [i]
학교 [hak-gyo] + 가 [ga]

ดังนั้น โดยหลัก ๆ แล้ว คำแสดงหัวข้อ (은/는) เป็นการใส่เพื่อแสดงให้เห็นว่าหัวข้อที่เรากำลังพูดถึงในประโยคคืออะไร และ คำแสดงประธาน (이/가) เป็นการใส่เพื่อแสดงให้เห็นว่าประธานของประโยค คืออะไร

แต่ ไม่ใช่แค่นั้น

มีอะไรอีกสำหรับการใช้ 은/는/이/가?

(1) นอกจากคำว่า 은 [eun] / 는 [neun] จะใช้แสดงหัวข้อแล้ว คำสองคำนี้ยังก่อให้เกิดความหมายในเชิง "เกี่ยวกับ" บางอย่าง "สำหรับ" บางสิ่ง หรือแม้กระทั่ง "ไม่เหมือนกับสิ่งอื่น" หรือ "แตกต่างจากสิ่งอื่น"

(2) นอกจากคำว่า 이 [i] / 가 [ga] จะใช้ในการแสดงประธานแล้ว ยังมีความหมายในเชิง "ไม่มีอะไรนอกจากนี้" "อันอื่นไม่ใช่ แต่ คืออันนี้เท่านั้น" และในประโยคที่ซับซ้อน ยังเป็นการแสดงประธานโดยที่ไม่ต้องเน้นคำนั้นมากจนเกินไป

ลองมาดูตัวอย่างประโยคในข้อ (1).

이거 [i-geo] = อันนี้ / 사과 [sa-gwa] = แอปเปิ้ล / 예요 [ye-yo] = คือ เป็น
이거 사과예요. [i-geo sa-gwa-ye-yo] = อันนี้คือแอปเปิ้ล

เราสามารถใส่ 은/는 ในประโยคนี้ และในกรณีนี้ 이거 ลงท้ายด้วยสระ คือไม่มีตัวสะกด ดังนั้นเราจะใส่คำว่า -는

이거는 사과예요. [i-geo-NEUN sa-gwa-ye-yo]
= (สิ่งอื่นไม่ใช่แอปเปิ้ล แต่) อันนี้คือแอปเปิ้ล

ลองนึกถึงบทสนทนาแบบข้างล่างนี้

  • 이거 커피예요. [i-geo keo-pi-ye-yo] (= สิ่งนี้คือกาแฟ)
  • 이거는 물이에요. [i-geo-NEUN mul-i-e-yo] (= สำหรับอันนี้ คือน้ำ (อันนั้นน่ะกาแฟแต่อันนี้น่ะ น้ำ))
  • 이거는 오렌지주스예요. [i-geo-NEUN o-ren-ji-ju-seu-ye-yo]

(= อันนี้น่ะ คือน้ำส้ม (อันนี้ก็ต่างออกไปนะ เป็นน้ำส้ม ไม่ใช่น้ำหรือกาแฟ))

  • 이거는 뭐예요? [i-geo-NEUN mwo-ye-yo?]

(= แล้วอันนี้่ล่ะ คืออะไร)

จากตัวอย่างข้างต้น เราจะเห็นว่า 은/는 ใช้ในการเน้นแสดงหัวข้อของประโยค โดยการให้ความหมายในเชิงที่ว่า "อันนี้คือ....และสิ่งนั้นคือ...." ดังนั้น การใช้ 은/는 ในทุกประโยคที่เราพูดอาจจะดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก

ดังนั้นคนเกาหลีจึงมักจะใช้ 은/는 เฉพาะเวลาต้องการเน้นหัวข้อที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่กำลังพูดถึงอยู่ในประโยค

ตัวอย่างเช่น ถ้าเราพูดว่า "วันนี้อากาศดีนะ" เราสามารถพูดได้หลายแบบในภาษาเกาหลี

1) 오늘 날씨 좋네요. [o-neul nal-ssi jot-ne-yo] วันนี้อากาศดีนะ 2) 오늘은 날씨 좋네요. [o-neul-EUN nal-ssi jot-ne-yo] วันนี้อากาศดีนะ (อากาศช่วงนี้ไม่ค่อยดี แต่วันนี้ดีนะ) 3) 오늘 날씨는 좋네요. [o-neul nal-ssi-NEUN jot-ne-yo] วันนี้อากาศดีนะ (วันนี้ สิ่งอื่นๆ อาจจะไม่ดี แต่อากาศดีนะ)

เห็นไหมว่า คำแสดงหัวข้อ (은/는) ในภาษาเกาหลี สามารถทำให้ประโยคมีความหมายแฝงที่หลากหลายได้

ลองดูประโยคตัวอย่างของหัวข้อที่ (2)

좋아요 [ jo-a-yo] = ดีนะ / 뭐 [mwo] = อะไร / 이/가 [i/ga] = คำแสดงประธาน

หากมีคนคนหนึ่งพูดว่า “좋아요. [ jo-a-yo]” ซึ่งแปลว่า ดีนะ หรือ ฉันชอบนะ
แต่เราอาจจะไม่แน่ใจว่า "อะไร" ที่ว่าดี ดังนั้น เราก็จะถามว่า "อะไรดีเหรอ" หรือ "เธอกำลังพูดถึงอะไรน่ะ"

เพื่อที่จะเน้นถามว่า "อะไร" ที่ว่าดี เราจะถามว่า
뭐가 좋아요? [mwo-GA jo-a-yo?]

ประโยคนี้ เราใช้ 가 [ga] เพื่อที่จะเน้นว่า ประธานของกริยาวิเศษณ์ "ดี" คืออะไร

ถ้าพูดว่า
ABC 좋아요. [ABC jo-a-yo] = ABC ดีนะ

และถ้าเราไม่เห็นด้วย และคิดว่า XYZ ดี ไม่ใช่ ABC เราสามารถแสดงความคิดเห็นได้ว่า ประธานของ "ดี" ควรจะเป็น XYZ ไม่ใช่ ABC โดยพูดว่า

ABC 좋아요? XYZ가 좋아요! [ABC jo-a-yo? XYZ-GA jo-a-yo]

ดังนั้น การใช้ 이 และ 가 ทำให้เราสามารถเน้นความหมาย เน้นถึงสิ่งที่เราต้องการพูดว่า ใครทำอะไร สิ่งไหนที่ดี เป็นต้น

หมดแล้วใช่ไหม

เกือบค่ะ

จากที่เรียนมา เราจะเห็นว่า 은/는 และ 이/가 มีลักษณะการใช้แตกต่างกัน แต่การใช้ 은/는 ในลักษณะที่สร้างหรือแสดงความแตกต่างของสิ่งหนึ่งออกจากสิ่งหนึ่ง จะเป็นลักษณะการใช้ที่ค่อนข้างชัดเจน เพราะเราสามารถเปลี่ยนหัวข้อของประโยคด้วยการใช้ 은/는. ดังนั้น เวลาเราจะสร้างประโยคที่ซับซ้อน เช่น ฉันคิดว่าหนังสือที่เธอซื้อดูน่าสนใจกว่าหนังสือที่ฉันซื้อมา โดยทั่วไป เราจะไม่ใช้ 은/는 ตลอดทั้งประโยค หลาย ๆ ครั้ง เราสามารถละ 은/는/이/가 ได้ แต่เมื่อไหร่ที่เราต้องการขยายความหมาย เราจะใช้ 이/가 มากกว่า