Difference between revisions of "TTMIK ระดับ 1 ระดับ1 บทที่ 16"
Piggyrabbit (Talk | contribs) |
Piggyrabbit (Talk | contribs) |
||
(2 intermediate revisions by one user not shown) | |||
Line 1: | Line 1: | ||
บทนี้ เราจะมาเรียนการผันกริยา เวลาเราหาคำศัพท์ในพจนานุกรม กริยาจะอยู่ในรูปแบบดังนี้ | บทนี้ เราจะมาเรียนการผันกริยา เวลาเราหาคำศัพท์ในพจนานุกรม กริยาจะอยู่ในรูปแบบดังนี้ | ||
− | 가다 [ga-da] = ไป | + | *가다 [ga-da] = ไป |
− | 먹다 [meok-da] = กิน | + | *먹다 [meok-da] = กิน |
− | 자다 [ ja-da] = นอน | + | *자다 [ ja-da] = นอน |
− | 때리다 [ttae-ri-da] = ตี | + | *때리다 [ttae-ri-da] = ตี |
− | 웃다 [ut-da] = หัวเราะ | + | *웃다 [ut-da] = หัวเราะ |
เมื่อเราต้องการจะเปลียนรูปแบบกริยาเพื่อแสดงปัจจุบันกาล อนาคตกาล หรือ อดีตกาล สิ่งแรกที่ต้องทำคือละ คำลงท้ายกริยา 다 [da] แล้วเราก็จะได้รากศัพท์ของคำกริยา | เมื่อเราต้องการจะเปลียนรูปแบบกริยาเพื่อแสดงปัจจุบันกาล อนาคตกาล หรือ อดีตกาล สิ่งแรกที่ต้องทำคือละ คำลงท้ายกริยา 다 [da] แล้วเราก็จะได้รากศัพท์ของคำกริยา | ||
− | 가 [ga] | + | *가 [ga] |
− | 먹 [meok] | + | *먹 [meok] |
− | 자 [ ja] | + | *자 [ ja] |
− | 때리 [ttae-ri] | + | *때리 [ttae-ri] |
− | 웃 [ut] | + | *웃 [ut] |
จากนี้เราก็จะผันกริยาโดยการเติมคำลงท้ายให้เหมาะสม บทนี้เราจะเรียนการผันกริยาให้อยู่ในรูปปัจจุบันกาล | จากนี้เราก็จะผันกริยาโดยการเติมคำลงท้ายให้เหมาะสม บทนี้เราจะเรียนการผันกริยาให้อยู่ในรูปปัจจุบันกาล | ||
− | ปัจจุบันกาล | + | == ปัจจุบันกาล == |
การผันกริยาให้อยู่ในรูปปัจจุบันกาล เราจะเติมคำลงท้ายต่อไปนี้ต่อจากรากศัพท์คำกริยา | การผันกริยาให้อยู่ในรูปปัจจุบันกาล เราจะเติมคำลงท้ายต่อไปนี้ต่อจากรากศัพท์คำกริยา | ||
− | 아요 [a-yo] | + | *아요 [a-yo] |
− | 어요 [eo-yo] | + | *어요 [eo-yo] |
− | 여요 [yeo-yo] | + | *여요 [yeo-yo] |
**จำไว้ว่าเรากำลังเรียนการลงท้ายในภาษาสุภาพ ยังไม่ต้องกังวลถึงการใช้ภาษาแบบสุภาพในระดับอื่นๆ หลังจากที่เราเรียนรู้การพูดทุกอย่างในแบบภาษาสุภาพแล้ว การเปลี่ยนเป็นภาษาที่สุภาพขึ้นไปอีกจะง่ายขึ้นแล้ว | **จำไว้ว่าเรากำลังเรียนการลงท้ายในภาษาสุภาพ ยังไม่ต้องกังวลถึงการใช้ภาษาแบบสุภาพในระดับอื่นๆ หลังจากที่เราเรียนรู้การพูดทุกอย่างในแบบภาษาสุภาพแล้ว การเปลี่ยนเป็นภาษาที่สุภาพขึ้นไปอีกจะง่ายขึ้นแล้ว | ||
Line 31: | Line 31: | ||
ง่ายมาก | ง่ายมาก | ||
− | ถ้าคำกริยาลงท้ายด้วยสระ ㅏ[a] หรือ ㅗ [o], จะตามด้วย 아요 [a-yo] | + | *ถ้าคำกริยาลงท้ายด้วยสระ ㅏ[a] หรือ ㅗ [o], จะตามด้วย 아요 [a-yo] |
− | ถ้าคำกริยาไม่ได้ลงท้ายด้วยสระㅏ[a] หรือ ㅗ [o], จะตามด้วย [eo-yo] | + | *ถ้าคำกริยาไม่ได้ลงท้ายด้วยสระㅏ[a] หรือ ㅗ [o], จะตามด้วย [eo-yo] |
− | และคำกริยาที่ลงท้ายด้วย 하 [ha] เท่านั้น ถึงจะตามด้วย 여요 [yeo-yo] | + | *และคำกริยาที่ลงท้ายด้วย 하 [ha] เท่านั้น ถึงจะตามด้วย 여요 [yeo-yo] |
− | ตัวอย่าง | + | '''ตัวอย่าง'''<br /> |
− | 1) 가다 [ga-da] = to go | + | 1) 가다 [ga-da] = to go<br /> |
− | รากศัพท์คือ 가 [ga] เสียงสระลงท้ายคือㅏ [a] เพราะฉะนั้นเราจะเติม 아요 [a-yo] | + | รากศัพท์คือ 가 [ga] เสียงสระลงท้ายคือㅏ [a] เพราะฉะนั้นเราจะเติม 아요 [a-yo]<br /> |
ตอนแรกจะผสมกันเป็น 가 + 아요 และเพื่อให้ออกเสียงเป็นธรรมชาติมากขึ้น ก็จะกลายเป็น 가요 [ga-yo] | ตอนแรกจะผสมกันเป็น 가 + 아요 และเพื่อให้ออกเสียงเป็นธรรมชาติมากขึ้น ก็จะกลายเป็น 가요 [ga-yo] | ||
+ | |||
+ | 가다 [ga-da] = ไป (รูปแบบปรากฎในพจนานุกรม) --> 가요 [ga-yo] = ฉันไป เธอไป เขาไป พวกเขาไป (ปัจจุบันกาล) | ||
+ | |||
+ | 2) 먹다 [meok-da] = กิน<br /> | ||
+ | รากศัพท์คือ 먹 [meok] เสียงสระคือ ㅓ [eo] ซึ่งไม่ได้ ㅏ หรือ ㅗ ดังนั้นเราจะเติม 어요 [eo-yo]<br /> | ||
+ | ก็จะกลายเป็น 먹 + 어요 [meo-geo-yo]<br /> | ||
+ | 먹다 [meok-da] = กิน (รูปแบบในพจนานุกรม) 먹어요 [meo-geo-yo] = ฉันกิน เขากิน เธอกิน (ปัจจุบันกาล) | ||
+ | |||
+ | **จำไว้ว่ามีการเชื่อมเสียง 먹 + 어 [meok + eo] เป็น 머거 [meo-geo] | ||
+ | |||
+ | 3) 보다 [bo-da] = ดู มอง เห็น<br /> | ||
+ | รากศัพท์คือ 보 [bo]<br /> | ||
+ | ตามด้วย 아요 [a-yo]<br /> | ||
+ | 보 + 아요 ---> เมื่อเวลาผ่านไป การออกเสียงและเขียนก็เริ่มเป็น 봐요 [bwa-yo] (พูด 보 + 아 + 요 สามครั้งติดกันเร็วๆ )<br /> | ||
+ | 보다 [bo-da] = ดู มอง เห็น<br /> | ||
+ | 봐요 [bwa-yo] = ฉันเห็น ฉันดู เธอดู (ปัจจุบันกาล) | ||
+ | |||
+ | |||
+ | 4) 보이다 [bo-i-da] = ได้รับการมองเห็น ชัดเจน<br /> | ||
+ | รากศัพท์ 보이 [bo-i]<br /> | ||
+ | ตามด้วย 어요 [eo-yo]<br /> | ||
+ | 보이 + 어요 ---> 보여요 [bo-yeo-yo]<br /> | ||
+ | 보이다 [bo-i-da] = ได้รับการมองเห็น ชัดเจน<br /> | ||
+ | 보여요 [bo-yeo-yo] = มันชัดเจน ฉันเห็นมัน | ||
+ | |||
+ | 5)하다 [ha-da] = ทำ<br /> | ||
+ | รากศัพท์ 하 [ha]<br /> | ||
+ | ตามด้วย 여요 [yeo-yo]<br /> | ||
+ | 하 + 여요 ---> 하여요 [ha-yeo-yo]<br /> | ||
+ | เวลาผ่านไป 하여요 กลายเป็น 해요 [hae-yo]<br /> | ||
+ | |||
+ | ** จำไว้ว่า กริยา 하다 สามารถใช้ได้หลากหลายมาก เราสามารถเติมคำนามข้างหน้า หรือสร้างกริยาขึ้นมาใหม่ เราจะแนะนำเรื่องนี้ในบทที่ 23 แต่ตอนนี้ เราจำแค่ว่า 하다 กลายเป็น 해요 ในแบบปัจจุบันกาล จะมีความหมายว่า ฉันทำ เธอทำ เขาทำ พวกเขาทำ | ||
+ | |||
+ | แล้วมีข้อยกเว้นไหม | ||
+ | |||
+ | เสียใจด้วย มี แต่ไม่ต้องกังวล ถึงจะมีข้อยกเว้นแต่ก็ไม่ได้ต่างไปจากกฏธรรมดาเท่าไหร่ และแน่นอนว่าเราจะนำเสนอในรูปแบบที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในบทต่อ ๆ ไป | ||
+ | |||
+ | ขอบคุณที่มาเรียนกับเราในบทนี้ค่ะ |
Latest revision as of 16:20, 3 January 2012
บทนี้ เราจะมาเรียนการผันกริยา เวลาเราหาคำศัพท์ในพจนานุกรม กริยาจะอยู่ในรูปแบบดังนี้
- 가다 [ga-da] = ไป
- 먹다 [meok-da] = กิน
- 자다 [ ja-da] = นอน
- 때리다 [ttae-ri-da] = ตี
- 웃다 [ut-da] = หัวเราะ
เมื่อเราต้องการจะเปลียนรูปแบบกริยาเพื่อแสดงปัจจุบันกาล อนาคตกาล หรือ อดีตกาล สิ่งแรกที่ต้องทำคือละ คำลงท้ายกริยา 다 [da] แล้วเราก็จะได้รากศัพท์ของคำกริยา
- 가 [ga]
- 먹 [meok]
- 자 [ ja]
- 때리 [ttae-ri]
- 웃 [ut]
จากนี้เราก็จะผันกริยาโดยการเติมคำลงท้ายให้เหมาะสม บทนี้เราจะเรียนการผันกริยาให้อยู่ในรูปปัจจุบันกาล
ปัจจุบันกาล
การผันกริยาให้อยู่ในรูปปัจจุบันกาล เราจะเติมคำลงท้ายต่อไปนี้ต่อจากรากศัพท์คำกริยา
- 아요 [a-yo]
- 어요 [eo-yo]
- 여요 [yeo-yo]
- จำไว้ว่าเรากำลังเรียนการลงท้ายในภาษาสุภาพ ยังไม่ต้องกังวลถึงการใช้ภาษาแบบสุภาพในระดับอื่นๆ หลังจากที่เราเรียนรู้การพูดทุกอย่างในแบบภาษาสุภาพแล้ว การเปลี่ยนเป็นภาษาที่สุภาพขึ้นไปอีกจะง่ายขึ้นแล้ว
แล้ว คำลงท้ายแบบไหนจะคู่กับกริยาแบบไหนกันล่ะ
ง่ายมาก
- ถ้าคำกริยาลงท้ายด้วยสระ ㅏ[a] หรือ ㅗ [o], จะตามด้วย 아요 [a-yo]
- ถ้าคำกริยาไม่ได้ลงท้ายด้วยสระㅏ[a] หรือ ㅗ [o], จะตามด้วย [eo-yo]
- และคำกริยาที่ลงท้ายด้วย 하 [ha] เท่านั้น ถึงจะตามด้วย 여요 [yeo-yo]
ตัวอย่าง
1) 가다 [ga-da] = to go
รากศัพท์คือ 가 [ga] เสียงสระลงท้ายคือㅏ [a] เพราะฉะนั้นเราจะเติม 아요 [a-yo]
ตอนแรกจะผสมกันเป็น 가 + 아요 และเพื่อให้ออกเสียงเป็นธรรมชาติมากขึ้น ก็จะกลายเป็น 가요 [ga-yo]
가다 [ga-da] = ไป (รูปแบบปรากฎในพจนานุกรม) --> 가요 [ga-yo] = ฉันไป เธอไป เขาไป พวกเขาไป (ปัจจุบันกาล)
2) 먹다 [meok-da] = กิน
รากศัพท์คือ 먹 [meok] เสียงสระคือ ㅓ [eo] ซึ่งไม่ได้ ㅏ หรือ ㅗ ดังนั้นเราจะเติม 어요 [eo-yo]
ก็จะกลายเป็น 먹 + 어요 [meo-geo-yo]
먹다 [meok-da] = กิน (รูปแบบในพจนานุกรม) 먹어요 [meo-geo-yo] = ฉันกิน เขากิน เธอกิน (ปัจจุบันกาล)
- จำไว้ว่ามีการเชื่อมเสียง 먹 + 어 [meok + eo] เป็น 머거 [meo-geo]
3) 보다 [bo-da] = ดู มอง เห็น
รากศัพท์คือ 보 [bo]
ตามด้วย 아요 [a-yo]
보 + 아요 ---> เมื่อเวลาผ่านไป การออกเสียงและเขียนก็เริ่มเป็น 봐요 [bwa-yo] (พูด 보 + 아 + 요 สามครั้งติดกันเร็วๆ )
보다 [bo-da] = ดู มอง เห็น
봐요 [bwa-yo] = ฉันเห็น ฉันดู เธอดู (ปัจจุบันกาล)
4) 보이다 [bo-i-da] = ได้รับการมองเห็น ชัดเจน
รากศัพท์ 보이 [bo-i]
ตามด้วย 어요 [eo-yo]
보이 + 어요 ---> 보여요 [bo-yeo-yo]
보이다 [bo-i-da] = ได้รับการมองเห็น ชัดเจน
보여요 [bo-yeo-yo] = มันชัดเจน ฉันเห็นมัน
5)하다 [ha-da] = ทำ
รากศัพท์ 하 [ha]
ตามด้วย 여요 [yeo-yo]
하 + 여요 ---> 하여요 [ha-yeo-yo]
เวลาผ่านไป 하여요 กลายเป็น 해요 [hae-yo]
- จำไว้ว่า กริยา 하다 สามารถใช้ได้หลากหลายมาก เราสามารถเติมคำนามข้างหน้า หรือสร้างกริยาขึ้นมาใหม่ เราจะแนะนำเรื่องนี้ในบทที่ 23 แต่ตอนนี้ เราจำแค่ว่า 하다 กลายเป็น 해요 ในแบบปัจจุบันกาล จะมีความหมายว่า ฉันทำ เธอทำ เขาทำ พวกเขาทำ
แล้วมีข้อยกเว้นไหม
เสียใจด้วย มี แต่ไม่ต้องกังวล ถึงจะมีข้อยกเว้นแต่ก็ไม่ได้ต่างไปจากกฏธรรมดาเท่าไหร่ และแน่นอนว่าเราจะนำเสนอในรูปแบบที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในบทต่อ ๆ ไป
ขอบคุณที่มาเรียนกับเราในบทนี้ค่ะ