Difference between revisions of "TTMIK ระดับ 1 ระดับ1 บทที่ 10"

From Korean Wiki Project
Jump to: navigation, search
Line 1: Line 1:
 
บทนี้เราจะมาเรียนเรื่อง
 
บทนี้เราจะมาเรียนเรื่อง
  
“있어요” [i-sseo-yo] and ”없어요” [eop-sseo-yo]
+
== “있어요” [i-sseo-yo] and ”없어요” [eop-sseo-yo] ==
  
 
เมื่อเราต้องการพูดว่าใครมีหรือไม่มีอะไร และ เมื่อต้องการจะพูดว่า มีของบางอยู่ หรือ ไม่มี เราสามารถใช้โครงสร้างทั้งสองนี้ได้
 
เมื่อเราต้องการพูดว่าใครมีหรือไม่มีอะไร และ เมื่อต้องการจะพูดว่า มีของบางอยู่ หรือ ไม่มี เราสามารถใช้โครงสร้างทั้งสองนี้ได้
Line 11: Line 11:
 
และ  없어요 [eop-sseo-yo] คือคำตรงข้ามกับ 있어요 นั่นเอง มาจากกริยา 없다 [eop-da] จริง ๆ แล้วเวลาเราอยากจะพูดว่าไม่มีอะไร เราสามารถใช้ 있어요 แต่ทำให้เป็นประโยคปฏิเสธก็ได้ แต่ว่า ในเมื่อในภาษาเกาหลี มีกริยา 없어요 ซึ่งหมายถึงว่าไม่มีอยู่ อยู่แล้ว ดังนั้นการใช้กริยา 없어요 เพื่อที่จะหมายถึงว่าไม่มีอยู่ ก็ดูจะง่ายและสะดวกกว่าที่จะพูดว่า 있지 않아요 หรือ 안 있어요 (เราจะเรียนเรื่องนี้ในบทต่อ ๆ ไป)
 
และ  없어요 [eop-sseo-yo] คือคำตรงข้ามกับ 있어요 นั่นเอง มาจากกริยา 없다 [eop-da] จริง ๆ แล้วเวลาเราอยากจะพูดว่าไม่มีอะไร เราสามารถใช้ 있어요 แต่ทำให้เป็นประโยคปฏิเสธก็ได้ แต่ว่า ในเมื่อในภาษาเกาหลี มีกริยา 없어요 ซึ่งหมายถึงว่าไม่มีอยู่ อยู่แล้ว ดังนั้นการใช้กริยา 없어요 เพื่อที่จะหมายถึงว่าไม่มีอยู่ ก็ดูจะง่ายและสะดวกกว่าที่จะพูดว่า 있지 않아요 หรือ 안 있어요 (เราจะเรียนเรื่องนี้ในบทต่อ ๆ ไป)
  
สรุปคือ
+
<big>สรุปคือ</big>
  
 
있어요        <-->    없어요
 
있어요        <-->    없어요
 
[i-sseo-yo]          [eop-sseo-yo]
 
[i-sseo-yo]          [eop-sseo-yo]
  
ลองมาดูตัวอย่างอื่นๆ
+
<u>ลองมาดูตัวอย่างอื่นๆ</u>
  
있어요 [i-sseo-yo]
+
=== 있어요 [i-sseo-yo] ===
  
ในตัวอย่าง เราจะใช้คำเหล่านี้
+
ในตัวอย่าง เราจะใช้คำเหล่านี้<br />
물 [mul] = น้ำ / 친구 [chin-gu] = เพื่อน / 시간 [si-gan] = เวลา
+
물 [mul] = น้ำ / 친구 [chin-gu] = เพื่อน / 시간 [si-gan] = เวลา<br />
 
เราก็แค่เติม 있어요 ตามหลังคำนามที่เรากำลังจะพูดถึง
 
เราก็แค่เติม 있어요 ตามหลังคำนามที่เรากำลังจะพูดถึง
  
Line 33: Line 33:
 
และแค่แทนที่  있어요 [i-sseo-yo] ด้วย 없어요 [eops-eo-yo] เราก็จะได้ประโยคที่มีความหมายตรงกันข้าม
 
และแค่แทนที่  있어요 [i-sseo-yo] ด้วย 없어요 [eops-eo-yo] เราก็จะได้ประโยคที่มีความหมายตรงกันข้าม
  
없어요 [eop-sseo-yo]
+
=== 없어요 [eop-sseo-yo] ===
 +
<br />
 
1. 시간 없어요. [si-gan eop-sseo-yo] = ไม่มีเวลา / ฉันไม่มีเวลา / พวกเขาไม่มีเวลา
 
1. 시간 없어요. [si-gan eop-sseo-yo] = ไม่มีเวลา / ฉันไม่มีเวลา / พวกเขาไม่มีเวลา
 
2. 친구 없어요. [chin-gu eop-sseo-yo] = ฉันไม่มีเพื่อน
 
2. 친구 없어요. [chin-gu eop-sseo-yo] = ฉันไม่มีเพื่อน
  
ได้เวลาทบทวน
+
<big>ได้เวลาทบทวน</big>
  
 
ยังจำการใช้ 은/는 [eun/neun] คำแสดงหัวข้อ และ 이/가 [i/ga] คำแสดงประธานกันได้อยู่หรือเปล่า
 
ยังจำการใช้ 은/는 [eun/neun] คำแสดงหัวข้อ และ 이/가 [i/ga] คำแสดงประธานกันได้อยู่หรือเปล่า
Line 48: Line 49:
 
ในภาษาเกาหลี  เราใช้ 있어요 และ 없어요 ในหลายๆ ประโยคในชีวิตประจำวัน
 
ในภาษาเกาหลี  เราใช้ 있어요 และ 없어요 ในหลายๆ ประโยคในชีวิตประจำวัน
  
재미 [ jae-mi] = สนุก
+
재미 [ jae-mi] = สนุก<br />
 
재미 + 있어요 = 재미있어요 = แปลตรงตัวจะแปลว่า มีความสนุกอยู่ แต่จริงๆ แล้วประโยคนี้หมายถึงว่า "น่าสนใจ"
 
재미 + 있어요 = 재미있어요 = แปลตรงตัวจะแปลว่า มีความสนุกอยู่ แต่จริงๆ แล้วประโยคนี้หมายถึงว่า "น่าสนใจ"
  
 
จะสังเกตเห็นได้ว่าคำทั้งสองเขียนติดกัน ก็เพราะว่าประโยคนี้กลายเป็นประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปแล้ว
 
จะสังเกตเห็นได้ว่าคำทั้งสองเขียนติดกัน ก็เพราะว่าประโยคนี้กลายเป็นประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปแล้ว
 +
 +
<u>ตัวอย่าง</u>
 +
<font color=DeepSkyBlue>TTMIK 재미있어요! [ jae-mi-i-sseo-yo] = TTMIK สนุก / TTMIK น่าสนใจ</font>

Revision as of 15:22, 19 December 2011

บทนี้เราจะมาเรียนเรื่อง

“있어요” [i-sseo-yo] and ”없어요” [eop-sseo-yo]

เมื่อเราต้องการพูดว่าใครมีหรือไม่มีอะไร และ เมื่อต้องการจะพูดว่า มีของบางอยู่ หรือ ไม่มี เราสามารถใช้โครงสร้างทั้งสองนี้ได้

있어요 [i-sseo-yo] มาจากกริยา 있다 [it-da] ซึ่งมักใช้เวลาเราต้องการจะบอกว่า มีบางสิ่งบางอย่างอยู่ เมื่อเราพูดว่ามีบางคนหรือบางสิ่งอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง กริยาที่ใช้ก็คือ "อยู่" (เทียบได้กับ verb "to be" ในภาษาอังกฤษ) อย่างเช่น ฉันอยู่ที่นี่ มันอยู่ที่นั้น ตอนนี้ฉันอยู่บ้าน

หากเรากำลังพูดว่า ของบางอย่าง หรือคนบางคนในบางกรณี อยู่ในความครอบครองของเรา หรือเราเป็นเจ้าของ ก็คือ เรา "มี" สิ่งนั้นนั่นเอง ตัวอย่างเช่น ฉันมีพี่สาว ฉันมีหมา 11 ตัว หรือ เธอมีเครื่องบินส่วนตัวหรือเปล่า

และ 없어요 [eop-sseo-yo] คือคำตรงข้ามกับ 있어요 นั่นเอง มาจากกริยา 없다 [eop-da] จริง ๆ แล้วเวลาเราอยากจะพูดว่าไม่มีอะไร เราสามารถใช้ 있어요 แต่ทำให้เป็นประโยคปฏิเสธก็ได้ แต่ว่า ในเมื่อในภาษาเกาหลี มีกริยา 없어요 ซึ่งหมายถึงว่าไม่มีอยู่ อยู่แล้ว ดังนั้นการใช้กริยา 없어요 เพื่อที่จะหมายถึงว่าไม่มีอยู่ ก็ดูจะง่ายและสะดวกกว่าที่จะพูดว่า 있지 않아요 หรือ 안 있어요 (เราจะเรียนเรื่องนี้ในบทต่อ ๆ ไป)

สรุปคือ

있어요 <--> 없어요 [i-sseo-yo] [eop-sseo-yo]

ลองมาดูตัวอย่างอื่นๆ

있어요 [i-sseo-yo]

ในตัวอย่าง เราจะใช้คำเหล่านี้
물 [mul] = น้ำ / 친구 [chin-gu] = เพื่อน / 시간 [si-gan] = เวลา
เราก็แค่เติม 있어요 ตามหลังคำนามที่เรากำลังจะพูดถึง

1. 물 있어요. [mul i-sseo-yo] = มีน้ำอยู่ /ฉันมีน้ำ / พวกเขามีน้ำ 2. 물 있어요? [mul i-sseo-yo?] = มีน้ำไหม / เธอมีน้ำไหม / พวกเขามีน้ำไหม 3. 친구 있어요. [chin-gu i-sseo-yo] = ฉันมีเพื่อน / มีเพื่อน 4. 친구 있어요? [chin-gu i-sseo-yo?] = เธอมีเพื่อนหรือเปล่า / พวกเขามีเพื่อนหรือเปล่า 5. 시간 있어요. [si-gan i-sseo-yo] = มีเวลา / ฉันมีเวลา / พวกเขามีเวลา 6. 시간 있어요? [si-gan i-sseo-yo?] = มีเวลาไหม/ เธอมีเวลาไหม / พวกเขามีเวลาไหม

และแค่แทนที่ 있어요 [i-sseo-yo] ด้วย 없어요 [eops-eo-yo] เราก็จะได้ประโยคที่มีความหมายตรงกันข้าม

없어요 [eop-sseo-yo]


1. 시간 없어요. [si-gan eop-sseo-yo] = ไม่มีเวลา / ฉันไม่มีเวลา / พวกเขาไม่มีเวลา 2. 친구 없어요. [chin-gu eop-sseo-yo] = ฉันไม่มีเพื่อน

ได้เวลาทบทวน

ยังจำการใช้ 은/는 [eun/neun] คำแสดงหัวข้อ และ 이/가 [i/ga] คำแสดงประธานกันได้อยู่หรือเปล่า

은 และ 는 เป็นคำแสดงหัวข้อของประโยค ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเน้นย้ำความแตกต่างของหัวข้อที่กำลังพูดถึงกับสิ่งอื่น ดัวนั้นถ้าเราพูดว่า 시간 없어요. [si-gan eops-eo-yo] แปลว่า ฉันไม่มีเวลา แต่ถ้าเราอยากจะพูดว่า "ฉันมีทุกอย่าง ยกเว้น เวลา ที่ฉันไม่มี" เราก็จะเติม 은 / 는 เข้าไปหลังคำว่า 시간 [si-gan] ในกรณีนี้เราจะเติม 은 เพราะว่าคำนี้ลงท้ายด้วยตัวสะกด เราก็จะได้ประโยคว่า 시간은 없어요.

และถ้ามีคนถามเราว่า "อะไรที่เธอไม่มี" หรือ "อะไรที่เธอพูดว่าเธอไม่มี" เราสามารถตอบคำถามได้โดยพูดว่า "เวลา เวลาไงที่ฉันไม่มี" ซึ่งทำเป็นประโยคภาษาเกาหลีได้ว่า 시간이 없어요.

ในภาษาเกาหลี เราใช้ 있어요 และ 없어요 ในหลายๆ ประโยคในชีวิตประจำวัน

재미 [ jae-mi] = สนุก
재미 + 있어요 = 재미있어요 = แปลตรงตัวจะแปลว่า มีความสนุกอยู่ แต่จริงๆ แล้วประโยคนี้หมายถึงว่า "น่าสนใจ"

จะสังเกตเห็นได้ว่าคำทั้งสองเขียนติดกัน ก็เพราะว่าประโยคนี้กลายเป็นประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปแล้ว

ตัวอย่าง TTMIK 재미있어요! [ jae-mi-i-sseo-yo] = TTMIK สนุก / TTMIK น่าสนใจ